“เขียน เปลี่ยน ชีวิต” กับการปฏิรูประบบสุขภาพปฐมภูมิ

โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขด้านการถอดบทเรียนและสังเคราะห์องค์ความรู้จากพื้นที่ต้นแบบในงานระบบสุขภาพปฐมภูมิ (P.1) ภายใต้โครงการสนับสนุนการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสุขภาพปฐมภูมิและชุมชนเพื่อสร้างความยั่งยืนทางสุขภาพ ดำเนินการโดย มูลนิธิแพทย์ชนบท สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้จัดอบรมหลักสูตร “เขียน บทเรียน จากชีวิต”  สู่การเขียนถอดบทเรียนเพื่อสื่อสารสาธารณะ ว่าด้วยเรื่อง “บทเรียนการจัดการโรค ในระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ ผ่านกลไก พชอ.” ให้กับบุคลากรที่ดูแลงานสุขภาพปฐมภูมิจาก 4 พื้นที่ต้นแบบ โดยมีอาจารย์วรเชษฐ เขียวจันทร์ เป็นวิทยากร เมื่อวันที่ 13 -15 พฤษภาคม 2567 ณ โรงแรม Neera Retreat Hotel อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

ทำความรู้จักกับ Module 1 : เขียน เปลี่ยน ชีวิต

4 พื้นที่ต้นแบบที่เข้าร่วมการอบรมได้แก่ พื้นที่ที่ 1 อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ พื้นที่ที่ 2 อำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด พื้นที่ที่ 3 อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา และพื้นที่ที่ 4 อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร วิทยากรคืออาจารย์วรเชษฐ เขียวจันทร์ นักวิชาการอิสระ ด้านมานุษยวิทยา, บรรณาธิการบริหาร สำนักพิมพ์ปิ่นโต พับลิชชิ่ง และหัวหน้าโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขด้านการถอดบทเรียนและสังเคราะห์องค์ความรู้จากพื้นที่ต้นแบบในงานระบบสุขภาพปฐมภูมิ (P.1) พาผู้แทนจาก 4 พื้นที่ไต่ระดับตั้งแต่ EP1 จนถึง EP8 เริ่มจากการแนะนำหลักสูตรเพื่อค้นหาเป้าหมายร่วมกัน (EP1) ภาพสะท้อนตัวตน (Who am I) (EP2) เขียน เปลี่ยน ชีวิต (Write for your life) (EP3) ค้นหาประเด็นเพื่อการเขียนบทเรียน (EP4) เรียนรู้หลักการเขียนเบื้องต้น (EP5) วิเคราะห์ขั้นตอนการทำงานผ่าน Timeline (EP6) เขียนโครงเรื่องเพื่อถอดบทเรียนในพื้นที่ต้นแบบ (EP7) แลกเปลี่ยน ซักถาม ปรับแก้โครงเรื่อง (EP8)

“เขียน เปลี่ยน ชีวิต” หลักสูตรซึ่งเป็นนวัตกรรมที่อาจารย์วรเชษฐ เขียวจันทร์ เป็นผู้ออกแบบและพัฒนาอย่างต่อเนื่องมามากกว่า 10 ปี สามารถดึงศักยภาพภายใน คุณค่าแห่งชีวิตของตัวเองกับผู้อื่น และคุณค่าของงานซึ่งอยู่ภายในตัวตนของผู้เข้าร่วมอบรมทุกคนออกมาฉายฉานเพื่อเป็นการเสริมพลังให้กับตนเองและผู้คนรอบข้าง เช่น คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงานทุกระดับ คนไข้ผู้มารับบริการ และเครือข่าย โดยทำกระบวนการผ่านทักษะ 3 ด้าน ได้แก่ ทักษะการอ่าน (อ่านพูดคำที่เขียน) ทักษะการฟัง (ฟังอย่างลึกซึ้ง) ทักษะการโฟกัส (สบตาคนอ่าน) ซึ่งทำให้ผู้เข้าอบรมที่มาจากต่างพื้นที่และมีความหลากหลายในบทบาท หน้าที่ รวมทั้งประสบการณ์ ได้สร้างความเข้าอกเข้าใจกันและกันจากภายใน หลอมรวมหัวใจให้เกิดเป็นพื้นที่ปลอดภัย สร้างสรรค์เรื่องเล่าจากชีวิตออกมาถ่ายทอดสู่กันฟัง โดยเริ่มจากวิธีแสนง่ายต่อการเข้าถึงนั่นคือ การคิดคำหนึ่งคำหรือภาพหนึ่งภาพเพื่อสะท้อนตัวตน สะท้อนความรู้สึกภายใน สะท้อนสถานการณ์ จากนั้นขยายคำหรือภาพเป็นเรื่องที่มีความยาวตั้งแต่ 5 บรรทัด ไปจนถึง 20 บรรทัด ทำให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกว่าไม่ยากจนเกินไป และที่สำคัญเรื่อง คำ ภาพ เป็นภาพสะท้อนตัวตนของแต่ละคน

มานุษยวิทยากับภาพสะท้อนตัวตน

การนำหลักด้านมานุษยวิทยาซึ่งเป็นศาสตร์ของการเข้าถึงคน เข้าใจคน และเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานร่วมกับผู้อื่น มาปรับและประยุกต์ใช้ควบคู่ไปกับหลักสูตร “เขียน เปลี่ยน ชีวิต” ทำให้ผู้เข้าร่วมอบรมซึมซับการทำงานร่วมกับผู้อื่น เข้าใจปรัชญาเรื่องการดูแล อันจะนำไปสู่การโอบอุ้มคนในสังคมแบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แนวทางมานุษยวิทยาจึงเป็นหัวใจหนึ่งของกระบวนการที่อาจารย์วรเชษฐ เขียวจันทร์ ซ่อนและเผยเอาไว้ตลอดการสามวันของการอบรม ดังจะพบได้จากการสะท้อนตัวตนของผู้เข้าร่วมในหลักสูตร เช่น

            “…เรียนรู้ความเป็นตัวตน ที่มา อุปสรรค ข้ามผ่าน ความเป็นตัวจริงของแท้ เพื่อกลับไปค้นหาหลักหมุดหมายในการเขียนชีวิตและหนังสือ…”

            “….ทำให้เห็นมุมมองของแต่ละคนว่าแต่ละคนมองสิ่งเดียวกันแต่รู้สึกต่อสิ่งเหล่านั้นแตกต่างกัน การตั้งใจฟังเพื่อนอย่างตั้งใจจริง ๆ เราจะรู้ว่าเขาต้องการสื่ออะไร ทำให้เรานึกถึงตอนคุยกับคนไข้กับชาวบ้าน ถ้าเราตั้งใจฟังจริง ๆ จะได้รู้ว่าคนไข้ต้องการอะไร เวลาเรามองเห็นใครในครั้งแรกเราตัดสินใจไม่ได้ ถ้าเราไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดหรือแสดงให้เราเห็น…”

            “…การฟังโดยไม่ตัดสิน การเขียนเรื่องราวผ่านรูปภาพได้มากกว่าที่เราคิด และได้เห็นคุณค่าของคนในชุมชน ที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็น ไม่ค่อยมีใครพูดกัน ทุกคนจึงมีคุณค่าในแต่ละส่วนและทุกคนอยู่ร่วมกัน…”

            “…ได้รอบรู้ถึงแก่นแท้ของจิตใจตัวเอง ถ้าเรามีจิตใจที่ว่างเปล่า สงบ เราก็จะรับรู้ข้อมูลและอะไรต่าง ๆ ได้อย่างดี เพื่อเกิดกระบวนการความคิดและพัฒนาตัวเอง…”  เสียงที่เป็นภาพสะท้อนของผู้เข้าอบรมทุกคน ล้วนตั้งอยู่บนฐานของหลักด้านมานุษยวิทยา ไม่มิติใดก็มิติหนึ่งเสมอ

ปฏิรูปปฐมภูมิด้วยการเขียน

            กระบวนการของหลักสูตรแบบไต่ระดับสู่ยอดพีระมิดไปเรื่อย ๆ เป็นการวางรากฐานเทคนิค กลวิธี การเล่าเรื่อง การสร้างปม สู่การคลี่คลาย นักหัดเขียนในหลักสูตรเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองภายในสามวันแบบค่อยเป็นค่อยไปจากง่ายแต่ไม่ใช่จะยากจนเกินไป เพราะการถ่ายทอดของอาจารย์วรเชษฐทุกก้าวย่างได้ทำให้ทุกคนก้าวข้ามความยากของขั้นตอนการเขียนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว รวมถึงการคอยอยู่เคียงข้าง ให้คำแนะนำตลอดสามวันของวิทยากร/ผู้สอน ก็มีส่วนทำให้ผู้เข้าอบรมทุกคนไม่รู้สึกว่ายากและทำให้ค้นพบศักยภาพของตัวเอง

            นายแพทย์เดชา แซ่หลี หัวหน้าโครงการ/ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเทพ จังหวัดสงขลา แสดงความเห็นต่อกระบวนการ “เขียน เปลี่ยน ชีวิต” ว่า

            “กระบวนการทำให้ผู้เข้าอบรมได้มองย้อนสะท้อนคิดผ่านการเขียน ผมคิดว่าการเขียนที่เป็นเรื่องราวของตัวเองทั้งชีวิต เป็นเรื่องราวการทำงานด้วย เมื่อเขียนผ่านตัวหนังสือ ทำให้เรากลับไปย้อนคิดว่าจะต้องเขียนอะไร ดังนั้น หลายเรื่องสะท้อนกับงานกับศรัทธาที่ทุกคนมี แล้วดึงพลังของเนื้อเรื่องออกมาถ่ายทอด เช่น ความยากลำบาก ความทุกข์ยาก ความร่วมมือกับชุมชน การมาครั้งนี้เหมือนมาเยียวยาและเหมือนเจอพลังของตัวเอง ทำให้รู้สึกย้อนกลับไปสมัยเป็นหมอ พวกเรามาจากรากฐานเดียวกัน เราเติบโต เราเป็นผู้ให้ พอเรากลับมาตั้งสติและบรรจงเขียนเป็นอักษรจึงเหมือนเป็นการเยียวยา การเขียนมันมีพลังและทำให้พวกเราเป็นเครือข่าย เป็นเพื่อน ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้มแข็งของระบบปฐมภูมิ นี่คือการปฏิรูปเพราะการเขียนทำให้พวกเรากลับมาย้อนสิ่งที่เรามีอยู่ ความคิดรากฐานเดิมที่อยากดูแลคนไข้ อยากเป็นหมอที่ดี เรามีเป้าหมาย และเราอยากทำสิ่งดี ทุกเรื่องที่ผมได้ฟังมีความเรียบง่ายแต่มีพลัง มีความเป็นพื้นที่ของแต่ละที่ นี่คือพลังของงานเขียน” นอกจากนี้ ข้อค้นพบจากผู้เข้าร่วมทุกคนคือแต่ละคนมีเส้นทางการเติบโต การพัฒนาที่หลากหลาย ของคนต่างอาชีพและต่างวัย การพาทุกคนย้อนกลับไปทบทวนเส้นทางชีวิต จึงทำให้เห็นรูปแบบการตัดสินใจในแต่ละช่วงเวลา และกิจกรรมมีส่วนในการสร้างพลังบวก รวมทั้งเสริมแรงกำลังใจให้กันและกัน การที่ทุกคนเปิดใจให้ตัวเองได้ สื่อสารกับตัวเองได้ ซื่อสัตย์กับความคิดของตัวเอง ยอมรับแล้วลงมือทำลงมือเขียนอย่างค่อยเป็นค่อยไปในแต่ละระดับจึงเป็นการเริ่มต้นปฏิรูปที่ตัวเองก่อน จากนั้นก็ได้ฝึกทักษะการนำเสนอเรื่องเล่า ตัวตนในพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่สาธารณะ ซึ่งนายแพทย์เดชา แซ่หลี มองว่าหลักสูตรนี้เป็นกระบวนการหนึ่งในเรื่องของการปฏิรูประบบสุขภาพปฐมภูมิ ที่จะทำให้ผู้เข้าอบรมสามารถฟังเป็น เข้าใจคน เข้าใจชุมชน เข้าใจสังคม แล้วก็จะปฏิรูปประเทศได้

คำสำคัญ: ตัวตนที่ดีที่สุดของฉัน

            “เขียน เปลี่ยน ชีวิต” ทำให้ผู้เข้าอบรมทุกคนค้นพบคำสำคัญ ตัวตนที่ดีที่สุดของตัวเอง และจากคำสำคัญเพียงไม่กี่คำย่อมนำไปสู่งานเขียนชิ้นประวัติศาสตร์ของแต่ละคน ดังที่อาจารย์วรเชษฐ เขียวจันทร์ กล่าวระหว่างการอบรมว่างานเขียนหนังสือเป็นการจดบันทึกประวัติศาสตร์ชีวิตและประสบการณ์ของมนุษย์ ดังนั้น การเข้าอบรมในครั้งนี้จึงเป็นการพาทุกคนจาก 4 พื้นที่ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์งานเขียนชิ้นสำคัญให้กับระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิเช่นกัน

            ความประทับใจและความทรงจำในการอบรมจะได้รับการพัฒนาต่อยอด สื่อสารผ่านการเขียนเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนอ่านในวงกว้าง ซึ่งมีเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงความภาคภูมิใจในบทบาทหน้าที่ของตนเองกับการดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ ความภาคภูมิใจกับการได้รับโอกาสมาเป็นส่วนหนึ่งของการอบรม

            บางคนอาจจะตั้งคำถามก่อนเข้าอบรมว่า “เขียนมันจะเปลี่ยนชีวิตได้ยังไง” แต่ระยะเวลา 3 วัน ของหลักสูตร ผู้เข้าอบรมได้เขียนและได้เปลี่ยนชีวิตด้วยตัวเอง เช่น;

  • บทบาทใหม่ของตัวเอง: เปิดใจอ่านหนังสือมากขึ้น และเขียนได้เพราะเป็นคนชอบดูละคร
  • มุมมองที่กว้างไกล: ทำให้ค้นพบอะไรดี ๆ มากมายในตัวเองและเพื่อน ๆ
  • นักสู้: เพื่อนทุกคนผ่านอุปสรรคที่ยากต่อการดำเนินต่อแต่ทุกคนมีวิธีการต่อสู้ในรูปแบบที่เหมาะสมของตัวเอง
  • ความซับซ้อน: การได้เห็นความซับซ้อนมากมายที่ซ่อนอยู่ในผู้คน ทำให้ไม่สามารถตัดสินได้จากนิยามที่พบเห็น พบกันเพียงครั้งเดียว คนไข้ของก็ด้วย
  • เข้าใจ: ทำให้เข้าใจงานปฐมภูมิ ที่เคยมองว่าเป็นภาระ วันนี้เปลี่ยนมาเป็นพลัง
  • วิเศษ: ได้เห็นมุมมองที่หลากหลาย ที่ทำให้แต่ละคนเติบโต ทุกคนสามารถเขียนเป็นหนังสือเล่มที่ดีที่สุด

            นอกจากนี้ยังมีคำสำคัญอีกหลายคำ ได้แก่ เก่ง, เจ๋ง, สิ่งใหม่ ๆ, แรงบันดาลใจ, จุดเปลี่ยน, คุณค่า, ลึกซึ้ง, เครือข่าย, ทีม, เปิดโลกกว้าง, สมใจ, ปลุกไฟ, เลือกไม่ผิด, จุดประกาย ฯลฯ ผู้เข้าอบรมได้ขยายความคำสำคัญที่เป็นดังข้อค้นพบแห่งชีวิต ทำให้รับรู้ถึงศักยภาพของตัวเอง สิ่งที่ตัวแทนจาก 4 พื้นที่ต้องพัฒนาและต่อยอดหลังสิ้นสุดการอบรม “เขียน เปลี่ยน ชีวิต” คือการเขียนประวัติศาสตร์ชีวิตและการทำงานในพื้นที่ของตัวเอง เพื่อสื่อสารอัตลักษณ์ตัวตนไปยังสาธารณะ เพื่อที่ว่าเรื่องราวของทุกพื้นที่จะได้เป็นตัวกลางสะท้อนความร่วมมือกันของเครือข่ายทุกระดับหน้าที่ บทบาท สถานะ เป้นการสร้างสิ่งใหม่ในมิติต่าง ๆ ดังเช่นผู้เข้าอบรมคนหนึ่งกล่าวว่า “พชอ.เหมือนยาหนึ่งเม็ดรักษาทุกโรค” ขณะเดียวกัน “เขียน เปลี่ยน ชีวิต” ก็เป็นกระบวนการหนึ่งสำหรับการปฏิรูประบบสุขภาพปฐมภูมิเช่นกัน

เรื่อง/ภาพ: โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขด้านการถอดบทเรียนและสังเคราะห์องค์ความรู้จากพื้นที่ต้นแบบในงานระบบสุขภาพปฐมภูมิ (P.1)
Scroll to Top